“ขวัญใจมะเร็ง”? ข้อมูลล่าสุดจากการศึกษาขนาดใหญ่ที่เก็บข้อมูลจากประชากรกว่า 100,000 คน ได้ส่งสัญญาณเตือนภัยที่น่าตกใจว่า การรับประทาน “อาหารแปรรูปขั้นสูง” (Ultra-Processed Foods: UPF) ในปริมาณมาก อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็น มะเร็งปอด สูงถึง 41% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่บริโภคน้อยที่สุด ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ หนึ่งในสี่ของผู้ป่วยมะเร็งปอดในการศึกษานี้ “ไม่สูบบุหรี่เลย” ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยแฝงที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพปอดที่เราคาดไม่ถึง!
เจาะลึกผลวิจัย : UPF กับความเสี่ยงมะเร็งปอดที่เพิ่มขึ้น 41%
ทีมนักวิจัยนานาชาติได้ทำการติดตามสุขภาพและพฤติกรรมการบริโภคอาหารของชาวอเมริกันกว่า 100,000 คน โดยมีอายุเฉลี่ย 63 ปี เป็นระยะเวลานานถึงประมาณ 12 ปี ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว พบผู้ป่วยมะเร็งปอด 1,706 ราย
ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ Mirror ของอังกฤษ ชี้ชัดว่า กลุ่มที่บริโภค UPF มากที่สุด มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดสูงกว่ากลุ่มที่บริโภค UPF น้อยที่สุดถึง 41% และที่สำคัญคือ ผลลัพธ์นี้ยังคงมีความนัยสำคัญ แม้จะมีการปรับข้อมูลเรื่อง “การสูบบุหรี่” ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของมะเร็งปอดแล้วก็ตาม
สิ่งที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญต้องหันมาให้ความสนใจอย่างจริงจังคือ กว่าหนึ่งในสี่ (25%) ของผู้ป่วยมะเร็งปอดในการศึกษานี้ “ไม่สูบบุหรี่เลย” ซึ่งตอกย้ำว่าปัจจัยด้านอาหารอาจมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอดในกลุ่มประชากรที่ไม่เคยสูบบุหรี่
ทำความรู้จัก “อาหารแปรรูปขั้นสูง” (UPF) คืออะไร?
อาหารแปรรูปขั้นสูง (Ultra-Processed Foods : UPF) คืออาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปทางอุตสาหกรรมหลายขั้นตอน เพื่อให้มีรสชาติที่ถูกปาก เก็บรักษาได้นานขึ้น และสะดวกต่อการบริโภค อาหารกลุ่มนี้มักมีส่วนประกอบที่ไม่คุ้นเคยในครัวเรือนทั่วไป เช่น
- สารกันบูด : เพื่อยืดอายุการเก็บรักษา
- สารแต่งสี กลิ่น และรส : เพื่อเพิ่มความน่ารับประทาน
- สารทำให้คงตัวหรือผสมเนื้อ : เพื่อปรับปรุงเนื้อสัมผัส
- น้ำตาลสูงและไขมันแฝง : มักถูกเติมในปริมาณมากเพื่อเพิ่มรสชาติและดึงดูดผู้บริโภค
ตัวอย่างของ อาหาร UPF ที่เราคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน ได้แก่:
- เนื้อแปรรูป: ไส้กรอก, เบอร์เกอร์สำเร็จรูป, แฮม, เบคอน
- เครื่องดื่ม: น้ำอัดลม, เครื่องดื่มชูกำลัง, นมปรุงแต่งรส
- ขนมขบเคี้ยว: มันฝรั่งทอดกรอบ, คุกกี้, ขนมอบกรอบต่างๆ
- อาหารสำเร็จรูป/แช่แข็ง: พิซซ่าแช่แข็ง, อาหารพร้อมทานแช่แข็ง, ไก่ทอดสำเร็จรูป
- บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป: และอาหารสำเร็จรูปประเภทเส้นต่างๆ
- ขนมปัง: ขนมปังขาวเนื้อนุ่มที่ผ่านการขัดสี
- ซุปกระป๋อง: และอาหารกระป๋องที่ปรุงแต่งรสชาติมาก
- โยเกิร์ตแช่แข็ง/ไอศกรีม: ที่มีน้ำตาลและสารปรุงแต่งสูง
รายละเอียดและข้อจำกัดของงานวิจัย
งานวิจัยนี้ใช้ข้อมูลจากโครงการ Prostate, Lung, Colorectal and Ovarian Cancer Screening Trial (PLCO) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเก็บข้อมูลด้านสุขภาพระยะยาวที่ใหญ่ที่สุด ผู้เข้าร่วมวิจัยบริโภค UPF โดยเฉลี่ยเกือบ 3 หน่วยบริโภคต่อวัน โดยกลุ่มที่บริโภคสูงสุดกินมากถึง 6 หน่วยต่อวัน ในขณะที่กลุ่มที่บริโภคน้อยที่สุดกินเพียงครึ่งหน่วยต่อวันเท่านั้น
แม้ผลการศึกษาจะน่าสนใจ แต่ทีมวิจัยก็ระบุข้อจำกัดบางประการ เช่น ยังไม่ได้ปรับข้อมูลเรื่อง “ปริมาณการสูบบุหรี่” ซึ่งอาจส่งผลต่อความแม่นยำของผลลัพธ์ และเนื่องจากงานวิจัยนี้เป็นเพียงการ “สังเกตการณ์” (observational study) จึงไม่สามารถสรุปความสัมพันธ์เชิง “เหตุและผล” ได้อย่างแน่ชัดว่า UPF ทำให้เกิดมะเร็งปอดโดยตรง
ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ : ควร “จำกัดการบริโภค”
แม้จะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันกลไกและผลกระทบที่ชัดเจน แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านต่างให้ความเห็นที่น่าสนใจ:
- Dr. Kanran Wang จากโรงพยาบาลมะเร็ง มหาวิทยาลัยฉงชิ่ง ประเทศจีน กล่าวว่า “แม้จะต้องศึกษาต่อในประชากรอื่นและบริบทที่แตกต่างกัน แต่ผลวิจัยนี้ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ในการ ‘จำกัดการบริโภค UPF’ ซึ่งอาจช่วยลดภาระโรคมะเร็งปอดในระดับโลกได้”
- Dr. Sam Hare จากโรงพยาบาล Royal Free London, NHS, อังกฤษ เสริมว่า “หนึ่งในสี่ของผู้ป่วยมะเร็งปอดไม่ได้สูบบุหรี่เลย นั่นหมายความว่าอาจมี ‘ปัจจัยแฝง’ อย่างเช่นอาหารหรือภูมิคุ้มกันเกี่ยวข้อง ซึ่งสมเหตุสมผลที่ต้องศึกษาต่อ”
- Dr. Tom Sanders นักโภชนาการจาก King’s College London ระบุว่า “อาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพมักเกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่และสถานะเศรษฐกิจต่ำ ปัจจุบัน เรายังไม่มี ‘กลไกทางชีวภาพที่ชัดเจน’ ว่าทำไม UPF ถึงกระตุ้นให้เกิดมะเร็งปอดได้โดยตรง”
แหล่งที่มา www.sanook.com/news/9823090/